การจัดประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
คณิตศาสตร์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ
ในเชิงปริมาณ
และการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับจำนวน
ตัวเลข การคิดคำนวณ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับจำนวน การวัด
เรขาคณิต
พีชคณิตหรือแบบรูปความสำพันธ์ การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเป็นซึ่งต้องใช้ความคิดที่เป็นระเบียบ มีเหตุผล การคิดแก้ปัญหา
การเชื่อมโยงความสัมพันธ์และการสื่อสารตลอดจนการคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัยมีการพัฒนาแนวคิดและความเข้าใจทางคณิตศาสตร์ผ่านเรื่องราวต่างๆในชีวิตประจำวัน สาระทางคณิตศาสตร์ที่เด็กๆเรียนรู้ เช่น
อายุ ความเร็ว เวลา
ขนาด ลำดับ โดยจากงานวิจัยต่างๆ พบว่า
เด็กปฐมวัยสามารถสร้างความเข้าใจในแนวคิดพื้นฐานและพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ได้อย่างหลากหลายจากประสบการณ์ในทุกๆ วันผ่านปัญหาและสถานการณ์ต่างๆ ที่เด็กได้พบและพัฒนาเป็นความรู้เชิงคณิตศาสตร์ได้
ความรู้เชิงคณิตศาสตร์เกี่ยวข้องกับความรู้
4 ประเภท ประกอบด้วย
ความรู้ทางกายภาพ
ความรู้ทางสังคม
ความรู้เชิงตรรกศาสตร์คณิตศาสตร์
และความรู้เชิงสัญลักษณ์ซึ่งมีความหมายโดยสังเขป ดังนี้
·
ความรู้ทางกายภาพ (Physical Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ด้วยการรับรู้จากประสาทสัมผัส เช่น
สี รูปร่างลักษณะ ขนาด
·
ความรู้ทางสังคม (Social Knowledge)
เป็นความรู้ที่ได้รับจาการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เป็นสิ่งที่เราได้รับจากการเรียนรู้ เช่น
หนึ่งสัปดาห์มี 7 วัน หนึ่งเดือนมี 28
29 30 หรือ
31 วัน หนึ่งปีมี
12 เดือน
·
ความรู้เชิงตรรกะคณิตศาสตร์ (Logical-mathematic Knowledge) เป็นความรู้ที่เกิดจากการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ โดยความรู้นี้เกิดจากการสังเกต สำรวจ
และทดลองกระทำกับสิ่งต่างๆ
เพื่อจัดระบบและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของสิ่งเหล่านั้น เช่น
การนับจำนวนสิ่งของกลุ่มหนึ่งและนับได้จำนวนทั้งหมดเท่ากับสี่ ซึ่งจำนวนสี่เป็นค่าของจำนวนสิ่งของทั้งหมดในกลุ่ม
หากแยกออกจากกลุ่มจะไม่ได้มีความหมายเท่ากับจำนวนสี่
·
ความรู้เชิงสัญลักษณ์ (Symbolic Knowledge)
เป็นความรู้เกี่ยวกับวิธีการแสดงสิ่งที่รู้ด้วยสัญลักษณ์
การเกิดความรู้นี้ต้องอาศัยการมีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับสิ่งนั้นและสามารถสร้างเป็นความรู้เชิงตรรกะคณิตศาสตร์โดยมีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างชัดเจนจนสามารถนำสิ่งอื่นหรือสัญลักษณ์มาแทนได้ เช่น
เมื่อนับจำนวนผลไม้ 8 ผลในตะกร้า
แล้ววาดภาพวงกลมให้เท่ากับจำนวนผลไม้
โดยเขียนตัวเลข 8 แทนจำนวนผลไม้ทั้งหมด
การพัฒนาความรู้เชิงคณิตศาสตร์เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการคิดและโครงสร้างทาง
สติปัญญาของเด็กปฐมวัย โดยแนวคิดของ Piaget (1965)
เกี่ยวกับพัฒนาการทางการคิดของเด็กปฐมวัย
ได้กล่าวถึงขั้นการพัฒนาของเด็กปฐมวัย 2 ช่วง คือ
·
ขั้นการใช้ประสาทสัมผัสและกล้ามเนื้อ (Sensorimotor Period) เด็กปฐมวัยตั้งแต่แรกเกิดถึง 2 ปี
เริ่มต้นการเรียนรู้โลกรอบตัวและพัฒนาการคิดจากการใช้ประสาทสัมผัสและการใช้การเคลื่อนไหวในการสำรวจสิ่งต่างๆ โดยเด็กสามารถเก็บข้อมูล จดจำสิ่งต่างๆและบอกคุณลักษณะของวัตถุได้
เมื่ออยู่ในช่วงปลายของขั้นนี้เด็กจะสามารถคิดก่อนแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบและมีการพัฒนาทางภาษาอย่างรวดเร็ว
·
ขั้นเตรียมการคิดก่อนปฏิบัติการ (Preoperational Period) เด็กอายุระหว่าง 2- 7 ปี
เริ่มมีแนวคิดของผู้ใหญ่
เด็กสามารถใช้ภาษาพูดแสดงความรู้ความคิด
และเริ่มรู้จักใช้คำที่บอกขนาดน้ำหนัก
รูปทรงและความยาว
สามารถเล่นบทบาทสมมติซึ่งเป็นพื้นฐานของการพัฒนาความเข้าใจในสิ่งที่เป็นนามธรรมมากขึ้น เช่น
จำนวน ตัวเลข ตัวอักษรและคำที่มีความหมาย เด็กในวัยนี้จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่สังเกตและรับรู้ได้ชัดเจนที่สุด
โดยไม่สามารถคงความคิดตามสภาพเดิมไว้ได้เมื่อสภาพทางกายเปลี่ยนแปลง ทำให้เด็กไม่สามารถสั่งสมความคิดไว้ได้ เช่น
เหรียญสองแถวที่มีจำนวนเท่ากันวางระยะห่างไม่เท่ากัน เด็กจะบอกว่าแถวที่ยาวมากกว่ามีจำนวนเหรียญมากกว่า
เด็กสามารถพัฒนาการอนุรักษ์หรือการสั่งสมความคิด (Conservation) ได้โดยการนับ การจับคู่หนึ่งต่อหนึ่ง การเปรียบเทียบรูปทรง ปริมาตร
เรียงลำดับและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ
โดยใช้เกณฑ์ของสี รูปทรง ขนาดและประโยชน์
เด็กปฐมวัยสามารถสร้างองค์ความรู้และสร้างความเข้าใจในแนวคิดต่างๆ จาก
ประสบการณ์การเรียนรู้ 3
รูปแบบ คือ
1.
ประสบการณ์การเรียนรู้ตามธรรมชาติ (Naturalistic Experiences)
2.
ประสบการณ์จากการเรียนรู้แบบไม่เป็นทางการ (Informal Learning Experiences)
3.
ประสบการณ์จากการเรียนรู้แบบมี สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ขอบข่ายของเนื้อหาทาง
คณิตศาสตร์ที่เด็กปฐมวัยโครงสร้าง
(Structure
Learning Experiences) สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เป็น
ควรได้เรียนรู้และมีความสัมพันธ์กับหลักสูตร
แนวทางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์ให้แก่เด็กปฐมวัย
1.
การเรียนรู้ผ่านกิจวัตรประจำวัน
เด็กปฐมวัยมีการเรียนรู้แนวคิดและพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์จากสิ่งต่างๆ รอบตัวและ
ได้รับประสบการณ์ทางคณิตศาสตร์ที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวัน เช่น
การนับจำนวนเด็กที่มาโรงเรียน
การเรียนรู้วันที่ในปฏิทิน
จัดโอกาสในชีวิตประจำวันให้เด็กนับและตรวจสอบ เช่น
จำนวนขนมที่เป็นอาหารว่าง
ใช้คำที่แสดงค่าของตัวเลขในชีวิตประจำวัน
ใช้ปฏิทิน และตารางกิจกรรม กล่าวถึงช่วงเวลาเมื่อวานนี้ วันนี้
พรุ่งนี้
อธิบายเกี่ยวกับตำแหน่ง
ทิศทาง
และระยะทางในขณะที่เด็กเล่น
พูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กและในขณะที่เด็กเล่น ให้เด็กได้มีโอกาสสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว ที่เหมือนหรือคล้ายรูปเรขาคณิต ช่วยเด็กในการอธิบายลักษณะความเหมือนและความต่างของสิ่งต่างๆ
รอบตัว จัดให้เด็กได้มีโอกาสจำแนก จัดกลุ่ม
เรียงลำดับสิ่งต่างๆ รอบตัว
แสดงแบบรูปในชีวิตประจำวันให้เห็น
เช่น ลายเสื้อสีสลับกัน สำรวจและบันทึกสภาพอากาศในแต่ละวัน
2. การจัดประสบการณ์ผ่านกิจกรรมคณิตศาสตร์เพื่อพัฒนาแนวคิดและทักษะทางคณิตศาสตร์
ในการจัดประสบการณ์ที่ต้องการให้เด็กได้เกิดความเข้าใจในแนวคิดและทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ชัดเจน สามารถวางแผนการจัดกิจกรรมและกำหนดจุดประสงค์ในการเรียนรู้ โดยมีการดำเนินการจัดกิจกรรมตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 การตรวจสอบความรู้เดิมของเด็ก โดยการใช้คำถาม การใช้สื่ออุปกรณ์หรือสถานการณ์ต่างๆ
ขั้นที่ 2
การสอนเนื้อหาใหม่จากพื้นฐานความรู้เดิมทางคณิตศาสตร์ของเด็ก
โดยการจัดกิจกรรมที่ใช้สื่ออุปกรณ์ที่เป็นรูปธรรมไปสู่ความเข้าใจในหลักการที่เป็นนามธรรม เริ่มจากการจัดกิจกรรมที่ใช้ของจริง ใช้รูปภาพ
พัฒนาไปสู่การใช้สัญลักษณ์
มีการแสดงตัวอย่าง
แสงดวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา ตลอดจนการวิเคราะห์ปัญหา
หรือ การนำเสนอคำถาม
ปัญหา หรือสถานการณ์
จากนั้นให้เด็กแก้ปัญหาด้วยการลงมือปฏิบัติโดยใช้สื่ออุปกรณ์ต่างๆ และวิธีการต่างๆ เพื่อสรุปแนวคิดและหลักการทางคณิตศาสตร์
ขั้นที่ 3 การตรวจสอบความเข้าใจของเด็ก โดยการสรุปหรือหลักการหรือแนวคิดทางคณิตศาสตร์
มีการสอดแทรกทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย
การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสาร
สื่อความหมายและนำเสนอ
การเชื่อมโยงกับสาระทางคณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น และการคิดสร้างสรรค์
ขั้นที่ 4 การฝึกฝนทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กโดยการใช้คำถาม ปัญหาหรือสถานการณ์ที่คล้ายเดิม
ขั้นที่ 5
การให้เด็กนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนศาสตร์อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น การสอนให้เด็กนับโดยการใช้เพลง กลอน คำคล้องจองและเป็นแบบอย่าง
ในการนับ
ถามเด็กเกี่ยวกับการจับคู่หนึ่งต่อหนึ่งของสิ่งต่างๆ เช่น
การจัดขนมใส่ถ้วยของว่าง
ใช้รูปแบบที่หลากหลายในการพัฒนาความเข้าใจพื้นบานในการแทนค่าจำนวนและระบบฐานสิบ แสดงให้เด็กเห็นถึงวิธีการวัด เช่น
โต๊ะสูงเท่ากับ 6 ไม้บล็อก
แสดงการเปรียบเทียบน้ำหนักมากกว่าน้อยกว่าด้วยตาชั่งสองแขน ใช้คำถามกับเด็ก เช่น
ชามใบนี้จุน้ำได้กี่ถ้วย
จัดโอกาสให้เด็กสร้างแบบรูปของตนเองโดยการเลียนแบบการขยายแบบ การวิเคราะห์และอธิบายแบบรูป
ใช้คำศัพท์เกี่ยวกับเรขาคณิตและแสดงการเปลี่ยนแปลงรูปเรขาคณิต ตั้งคำถามในการสำรวจข้อมูลต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น
สีที่ชอบ ขนมที่ชอบ
3. การจัดกิจกรรมในรูปแบบของการบรูณาการ
การบูรณาการคณิตศาสตร์ในการจัดประสบการณ์ผ่านกิจกรรมต่างๆ ในหน่วยการเรียนรู้
เป็นการประยุกต์ในแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีหรือศาสตร์อื่นๆ
และเป็นการพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ให้แก่เด็ก โดยมีขั้นการจัดกิจกรรมดังนี้
ขั้นที่
1
การวิเคราะห์และออกแบบการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการคณิตศาสตร์ เช่น
ในการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หรือ
การจัดกิจกรรมที่ใช้กระบวนการเทคโนโลยี
ตลอดจนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับศาสตร์อื่นๆ เช่น
ภาษา สังคม ศิลปะ
ดนตรี
ขั้นที่
2
การนำคณิตศาสตร์มาเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนได้นำความรู้ ความเข้าใจ
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์มาใช้ในการรวบรวมข้อมูล อธิบายสิ่งที่ศึกษา สื่อสารสิ่งที่ศึกษาในเนื้อหาสาระของวิชาต่างๆ
หรือออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งต่างๆผ่านกระบวนการเทคโนโลยี หรือกิจกรรมทางศิลปะ
ขั้นที่
3 การสรุปแนวคิด ความรู้
และพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ผู้เรียนได้จากกระบวนการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมประจำวัน
ตัวอย่างเช่น จัดกิจกรรมประกอบอาหารเพื่อให้เด็กได้การนับจำนวน การตวงภารจำแนกจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ
การใช้ดนตรีและการเคลื่อนไหวเพื่อให้เด็กได้นับจังหวะ สำรวจตำแหน่งของสิ่งต่างๆ
จัดเตรียมเศษวัสดุและสิ่งของเหลือใช้มาให้เด็กสร้างสรรค์รูปเรขาคณิตเป็นงานศิลปะ ให้เด็กจัดทำแผนภูมิอย่างง่ายจากวัสดุที่หลากหลาย เช่น
แผนภูมิรูปภาพ/ของจริง เช่น กล่องนม
แผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม
การจัดมุมคณิตศาสตร์ในห้องเรียน จัดป้ายนิเทศและเกมคณิตศาสตร์
จัดมุมคณิตศาสตร์ในห้องเรียนโดยการจัดหาหนังสือเกี่ยวกับจำนวน การนับและรูป
เรขาคณิต
จัดเตรียมสื่อตัวเลข
บัตรตัวเลขและเกมเกี่ยวกับจำนวน
เช่น บิงโก โดมิโน
สื่อที่แสดงให้เห็นการรวมและการแยกสิ่งต่างๆ เช่น
การแบ่งขนมเค้กในถาด
การปักหมุนในกระดาน จัดเตรียมสื่อการเรียนรู้ เช่น
ชิ้นส่วน รูปเรขาคณิต บล็อกรูปเรขาคณิต จัดเตรียมเครื่องมือวัดต่างๆ ให้เด็กได้สำรวจแลลองใช้ เช่น
ตาชั่งสองแขน นาฬิกา ไม้บรรทัด
เทอร์โมมิเตอร์ ถ้วยตวง ช้อนตวง
จัดเตรียมเหรียญและเงินให้
เด็กเล่นในมุมบทบาทสมมติ
จัดวัสดุหลากหลายให้เด็กจำแนกจัดกลุ่ม
เช่น เปลือกหอย กระดุม
ใบไม้ ของเล่นแสดงแบบรูป เช่น
บล็อกทรงสี่เหลี่ยม
ทรงกลมวางสลับกัน
สื่อที่จัดกระทำได้เพื่อแสดงแบบรูป
เช่น กระดานปักหมุด กระดานร้อยเชือก สื่อรอบตัวที่สามารถสร้างรูปเรขาคณิต เช่น
กระดานเรขาคณิต หลอดกระดาษ จัดทำแผนภูมิอย่างง่ายติดไว้ในห้องเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น